ผลที่ตามมา ของ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งเวลส์ (ค.ศ. 1796–1817)

พระพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงชาร์ลอตต์

เฮนรี โบร์กแฮม ได้เขียนถึงปฏิกิริยาของสาธารณชนต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ว่า "เหมือนกับว่าทุกครอบครัวทั่วบริเตนใหญ่ได้สูญเสียลูกคนโปรดไป"[96] ทั้งราชอาณาจักรจมลึกอยู่กับความโศกเศร้า ผ้าลินินสีดำขาดตลาด แม้กระทั่งคนยากจนและคนไร้บ้านก็ยังผูกข้อมือด้วยผ้าสีดำและบนเสื้อของพวกเขา ร้านค้าปิดเป็นเวลาสองสัปดาห์ รวมทั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา, ศาลและท่าเรือ แม้กระทั่งซ่องการพนันก็ปิดในงานพระพิธีศพ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ[97] เดอะไทมส์ได้เขียนว่า "แน่นอนมันไม่ใช่ความไม่พอใจของเราต่อโชคชะตาจากพระผู้เป็นเจ้าที่มาถึง...มันไม่มีอะไรที่แสดงความไม่เคารพต่อความเศร้าโศกเสียใจสำหรับเภทภัยนี้"[98] การไว้ทุกข์เสร็จสมบูรณ์โดยผู้ผลิตริบบิ้นและสินค้าแฟนซีอื่น ๆ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสวมใส่ได้ในช่วงของการไว้ทุกข์) ได้ส่งคำขอไปยังรัฐบาลให้ย่นระยะเวลาการไว้ทุกข์ เนื่องจากพวกเขากลัวที่จะล้มละลาย[96] บันทึกที่เห็นต่างซึ่งเขียนโดยนักกวี เพอร์ซี บิซชี เชลลีย์ เขียนใน An Address to the People on the Death of the Princess Charlotte ชี้เห็นว่าการประหารชีวิตคนสามคนในวันหลังจากที่เจ้าหญิงสิ้นพระชนม์จากข้อหาพยายามโค่นล้มรัฐบาลนั้นต่างหากเป็นโศกนาฎกรรมที่เลวร้ายกว่า[99]

เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงนอนราบด้วยความโทมนัส และไม่ทรงสามารถมาร่วมงานฝังพระศพของพระธิดาได้ เจ้าหญิงคาโรลีนทรงทราบข่าวจากคนส่งข่าว พระนางทรงตกพระทัยและเป็นลมหมดสติ หลังจากทรงฟื้น พระนางทรงตรัสว่า "อังกฤษ เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในการสูญเสียลูกสาวสุดที่รักของฉัน"[100] แม้แต่เจ้าชายแห่งออเรนจ์ก็ทรงหลั่งพระอัสสุชลเมื่อทรงทราบข่าว และพระชายาของพระองค์ทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลในราชสำนักไว้ทุกข์ด้วย[100] เจ้าชายเลโอโปลด์ทรงได้รับผลกระทบที่มากที่สุด สต็อกมาร์เขียนในปีถัดมาว่า "เดือนพฤศจิกายนได้ทำให้บ้านที่แสนสุขกลายเป็นซาก และได้ทำลายความหวังและความสุขของเจ้าชายเลโอโปลด์ พระองค์ไม่ทรงเคยได้เยียวยาความสุขซึ่งทรงเคยได้รับในชีวิตสมรสที่แสนสั้นของพระองค์อีกเลย"[101] ตามบันทึกของโฮล์มที่ว่า "เมื่อไร้เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระองค์ก็ไม่สมบูรณ์อีกเลย มันเหมือนกับว่าพระองค์ได้สูญเสียพระหทัยของพระองค์ไปแล้ว"[101]

เจ้าชายเลโอโปลด์ทรงเขียนถึง เซอร์โทมัส ลอว์เรนซ์ ว่า

ชีวิตทั้งสองรุ่นหายไป หายไปในเวลาเดียว! ฉันรู้สึกเสียใจต่อตนเองแต่ก็ยังรู้สึกเสียใจต่อเจ้าชายผู้สำเร็จราชการด้วย ชาร์ลอตต์ของฉันไปจากประเทศนี้แล้ว ประเทศนี้สูญเสียเธอ เธอเป็นคนดี เป็นสตรีที่น่าชื่นชม ไม่มีใครรู้จักชาร์ลอตต์ได้ดีเท่าฉัน! มันเป็นการเรียนรู้ของฉัน เป็นหน้าที่ของฉัน ที่จะต้องรู้นิสัยใจคอของเธอ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นความสุขใจของฉัน![102]

เจ้าหญิงทรงถูกฝังพร้อมพระโอรส ซึ่งถูกฝังอยู่เบื้องพระบาทของเจ้าหญิง ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ, ปราสาทวินด์เซอร์ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 อนุสรณ์ได้ถูกสร้างขึ้นโดยการลงนามของสาธารณชนในที่โลงฝังพระศพ[103] ไม่นานหลังจากที่ประชาชนเริ่มที่จะกล่าวโทษต่อโศกนาฎกรรมนี้ สมเด็จพระราชินีและเจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงถูกกล่าวหาว่าไม่ทรงอยู่กับพระนางในช่วงมีพระประสูติกาล แม้ว่าเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงร้องขอให้ทั้งสองพระองค์[103] แม้ว่าการชันสูตรพระศพยังพิสูจน์ไม่ได้ หลายคนประณามครอฟท์สำหรับการถวายการรักษาต่อเจ้าหญิง เจ้าชายผู้สำเร็จราชการปฏิเสธที่จะตำหนิครอฟท์ แต่ในสามเดือนให้หลังหลังจากที่เจ้าหญิงชาร์ลอตต์สิ้นพระชนม์ และขณะที่เขาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง ครอฟท์ได้หยิบปืนขึ้นมาและยิงตนเองจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต[99] เหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่า "สามโศกนาฎกรรมการคลอดบุตร" (การตายของเด็ก แม่และแพทย์) นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในปฏิบัติการการคลอดบุตร โดยสูตินารีแพทย์ซึ่งมักจะถูกแทรกแซงตามความโปรดปรานในการใช้แรงงานที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างคีมหนีบ จะได้รับพื้นที่ในการทำงานมากกว่าผู้ที่ไม่ใช้[104]

การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ได้ทำให้พระมหากษัตริย์ทรงไร้พระราชนัดดาที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยพระโอรสองค์เล็กสุดที่ทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้นมีพระชนมายุมากกว่า 40 พรรษาแล้ว หนังสือพิมพ์ได้ปลุกเร้าให้พระโอรสของพระมหากษัตริย์ที่ยังไม่ทรงเสกสมรสให้รีบเสกสมรส ดังเช่นกรณี พระโอรสองค์ที่สี่ของพระมหากษัตริย์คือ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเคนต์และสแตรเธิร์น ทรงประทับอยู่ที่บรัสเซลส์ ซึ่งพระองค์ทรงประทับอยู่กับจูลี เดอ แซงต์-ลอว์แรงต์ พระสนม เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงรีบเร่งปลดพระสนมและทรงสู่ขอเสกสมรสกับพระเชษฐภคินีในเจ้าชายเลโอโปลด์ คือ วิกตอเรีย เจ้าหญิงม่ายแห่งไลนิงเง็น[105] พระธิดาของทั้งสองพระองค์คือ เจ้าหญิงอเล็กซานดรินา วิกตอเรียแห่งเคนต์ ทรงได้เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักรในที่สุด (ปี ค.ศ. 1837) หลังจากนั้นเจ้าชายเลโอโปลด์ทรงกลายเป็นพระมหากษัตริย์แห่งชาวเบลเยียม ทรงเป็นที่ปรึกษาทางไกลแก่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระนัดดา และทรงรับประกันความปลอดภัยให้พระนางอภิเษกสมรสกับ เจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งซัคเซิน-โคบูร์กและก็อตธา พระนัดดาอีกองค์ของพระองค์[101]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งเวลส์ (ค.ศ. 1796–1817) http://books.google.com/?id=TxqfYPZsWFYC http://books.google.com/books?id=v4krPhqFG8sC http://books.google.com/books?id=v4krPhqFG8sC&pg=P... http://books.google.com/books?id=vpfuc37LLEAC http://books.google.com/books?id=vpfuc37LLEAC&lpg=... //www.worldcat.org/oclc/2357829 http://www.nationalarchives.gov.uk/nra/searches/su... https://archive.org/details/charlotteleopold00jame https://archive.org/details/prinnysdaughterl0000ho... https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Prince...